ของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์มีหน้าที่สำคัญในการหล่อลื่น ลดความร้อน และทำความสะอาด ควรตรวจสอบและเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด:
น้ำมันเครื่องและไส้กรองน้ำมันเครื่อง:
หน้าที่: หล่อลื่น ลดการสึกหรอ และระบายความร้อนให้เครื่องยนต์
การดูแล: เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด (โดยทั่วไป 5,000 - 10,000 กิโลเมตร หรือตามประเภทน้ำมันเครื่องที่ใช้) และ หมั่นตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง อย่างน้อยเดือนละครั้งไม่ให้แห้งหรือต่ำกว่าขีดกำหนด หากน้ำมันเครื่องมีสีดำคล้ำหรือเหนียวข้นเกินไป แสดงว่าควรเปลี่ยนถ่าย
น้ำหล่อเย็น (Coolant) ในหม้อน้ำ:
หน้าที่: รักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
การดูแล: ตรวจเช็กปริมาณน้ำหล่อเย็น ในหม้อพักน้ำและหม้อน้ำหลักให้อยู่ในระดับที่กำหนด หากพร่องลงให้เติม อย่าใช้น้ำเปล่าแทนน้ำยาหล่อเย็นเสมอไป เพราะน้ำยาหล่อเย็นมีสารป้องกันสนิม ควรเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่กำหนด (โดยทั่วไปทุก 1-2 ปี หรือตามคู่มือ)
น้ำมันเบรกและน้ำมันเกียร์:
การดูแล: ตรวจเช็กระดับ ไม่ให้ต่ำกว่าขีดกำหนด หากพร่องมากผิดปกติควรปรึกษาช่างทันที และเปลี่ยนถ่ายตามระยะที่แนะนำในคู่มือรถ
ระบบเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อสมรรถนะและการประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์
ไส้กรองอากาศเครื่องยนต์:
หน้าที่: ดักจับฝุ่น สิ่งสกปรก ก่อนเข้าสู่ห้องเผาไหม้
การดูแล: หมั่นทำความสะอาด (เป่าลม) หรือ เปลี่ยนไส้กรองอากาศ เมื่อสกปรกมากหรือตามระยะ (โดยทั่วไปทุก 20,000-40,000 กิโลเมตร หรือเร็วกว่านั้นหากขับในพื้นที่ฝุ่นเยอะ) เพราะไส้กรองที่อุดตันจะทำให้เครื่องยนต์หายใจไม่ออก เร่งไม่ขึ้น และกินน้ำมัน
หัวเทียน:
หน้าที่: จุดระเบิดเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน
การดูแล: เปลี่ยนหัวเทียนเมื่อถึงกำหนด (ขึ้นอยู่กับชนิดของหัวเทียน เช่น หัวเทียนธรรมดาอาจเปลี่ยนทุก 20,000 กิโลเมตร แต่หัวเทียนแพลทินัม/อิริเดียม อาจใช้ได้ถึง 100,000 กิโลเมตร) หัวเทียนที่เสื่อมสภาพจะทำให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ กินน้ำมัน และสตาร์ทติดยาก
สายพาน:
การดูแล: ตรวจสอบสภาพสายพาน ทั้งสายพานเครื่องยนต์และสายพานไทม์มิ่ง (ถ้ามี) ว่ามีรอยแตกลายงา หรือหย่อนยานหรือไม่ ควรเปลี่ยนตามระยะที่กำหนด (เช่น สายพานไทม์มิ่งอาจต้องเปลี่ยนทุก 100,000 กิโลเมตร) หากสายพานขาดอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายรุนแรง
แบตเตอรี่:
การดูแล: ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ ไม่ให้มีคราบขี้เกลือเกาะ และตรวจเช็กระดับน้ำกลั่น (สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น)
การขับขี่ที่ดีและหมั่นสังเกตความผิดปกติจะช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้มาก
ขับขี่อย่างนุ่มนวล: หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องอย่างกะทันหันหรือการเบรกบ่อยและแรงเกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังทำงานหนักเกินไป
สังเกตสัญญาณเตือน: หากมี ไฟเตือน รูปเครื่องยนต์ (Check Engine Light) หรือ ไฟเตือนความร้อน (Temperature Warning Light) ปรากฏขึ้นที่หน้าปัด หรือได้ยินเสียงผิดปกติ ควรรีบนำรถเข้าตรวจสอบทันที
จอดในที่ร่ม: การจอดรถตากแดดเป็นเวลานานจะทำให้ห้องเครื่องมีความร้อนสูงสะสม อาจส่งผลต่อชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกหรือยาง
สรุป: การดูแลเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดคือการทำตาม คู่มือรถยนต์ ที่ผู้ผลิตแนะนำ และการนำรถเข้า เช็กระยะตามกำหนด อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้ช่างได้ตรวจสอบและเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา
| หน้าที่เข้าชม | 25,771 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 15,678 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 14 ธ.ค. 2558 |
| ร้านค้าอัพเดท | 27 ต.ค. 2568 |


